นี่เป็นคำถามยอดฮิตที่หลายคนถามผมเข้ามาทั้งทางอีเมล์และเว็บบอร์ดในช่วง 2 - 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาของเรา ผมอยากจะให้คุณดูสถิติที่น่าสนใจอันหนึ่ง ซึ่งอ้างอิงจาก GNDP (Global New Products Database: www.gnpd.com เป็นองค์กรที่เก็บรวบรวมสถิติของสินค้าออกใหม่ในตลาดทั่วโลก) พบว่าเฉพาะในปีที่ผ่านมา 2007 มีสินค้าใหม่ที่ถูกบรรจุเข้าไปในฐานข้อมูลกว่า 182,000 กว่ารายการ — รวมสินค้าที่เป็นอาหาร ของขบเคี้ยวและส่วนที่ไม่ใช่อาหารเข้าไปด้วย — นั่นหมายความว่า มีสินค้าใหม่เกิดขึ้นทั่วโลกทุก 3 นาที!
นี่ยังไม่นับรวมสินค้าแจ้งเกิดเล็กน้อย (ของเศรษฐีในอนาคตอย่างพวกเรา) ซึ่งกำลังจะเข้าสู่ตลาดอีกมาก
จริงๆ แล้วการมีสินค้าเครื่องสำอางที่เป็นแบรนด์ของคุณเองนั้นไม่ใช่เรื่องที่ยาก เย็นอะไร (ถึงแม้ว่าคุณจะมีงบที่จำกัดก็ตาม) แต่สิ่งสำคัญที่คุณจะพบซึ่งเป็นเรื่องที่หนักใจและใหญ่เอาการก็คือ ทำอย่างไรให้แบรนด์ของคุณติดตลาดต่างหากละครับ – ใช่ครับ นี่เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งคงต้องได้คุยกันอีกนาน...
เพื่อให้การพูดคุยสั้นและเข้าใจง่าย ผมขอแยกเรื่องการสร้างแบรนด์ให้คนรู้จักออกไปก่อน
ถ้าอยากจะมีเครื่องสำอางที่เป็นแบรนด์ของคุณเอง
... จะเริ่มต้นอย่างไรดี?
ผมแนะ 2 วิธีง่ายๆ ดังนี้ ในกรณีที่คุณมีเงินไม่มากนัก และอยากจะทดสอบตลาดใกล้ๆ ตัวคุณว่า จะพอไปรอดหรือไม่? (ก่อนที่คุณจะอ่านต่อ ผมอยากแนะให้คุณไปอ่านเรื่อง "เลือกตลาดที่คุณคิดว่าจะขายสินค้าได้" และ "รวยข้ามคืนจริงหรือ? ถ้าขายเครื่องสำอางรุ่ง" แล้วคุณจะมองภาพออก)
- ซื้อผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปไปขาย
- ซื้อผลิตภัณฑ์เป็นกิโลมาบรรจุเอง
I) ซื้อผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปไปขาย
วิธีนี้ถือว่าเป็นวิธีที่เร็วและง่ายที่สุดและใช้ ทุนน้อยที่สุดด้วย เพราะคุณไม่ต้องยุ่งยากอะไร คุณเพียงแต่มองหาสินค้าที่คุณมั่นใจว่าจะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของคุณ ได้ และเป็นสินค้าที่สามารถขายตัวเองได้ คุณจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก และปัจจุบันนี้เครื่องสำอางพวกนี้ก็มีขายกันเกลื่อนไปหมดทั่วไป โดยเฉพาะบนอินเตอร์เน็ต
จากนั้นคุณก็สั่งซื้อมาเป็นแพ๊คหรืออาจจะซื้อเหมา โหลมาก็ได้ เมื่อคุณได้สินค้ามาแล้ว ให้ทำการลอกสติ๊กเกอร์เดิมออกไปเสีย เสร็จแล้วคุณก็ติดสติ๊กเกอร์ที่มียี่ห้อแบรนด์ของคุณลงไปที่ตัวสินค้า – เท่านี้เองครับ คุณก็จะมีสินค้าที่เป็นแบรนด์ของคุณเองแล้ว
วิธีนี้คุณไม่ต้องใช้ทุนมากนัก คุณอยากจะขายกี่ชิ้น คุณก็สั่งซื้อมาเท่านั้นแล้วก็เอามาติดสติ๊กเกอร์ แค่นี้เอง แต่วิธีนี้คุณอาจจะมีกำไรไม่มากนัก เพราะถ้าคุณไปซื้อสินค้าที่มียี่ห้อดังมา แล้วนำวิธีนี้มาใช้ วิธีนี้อาจจะไม่เหมาะนัก เพราะต้นทุนค่อนข้างแพง ทำให้กำไรคุณมีน้อย และที่สำคัญ คุณอาจจะเจอปัญหาเรื่องปลอมแปลงสินค้า!
นอกจากนี้แล้วคุณอาจจะมีข้อจำกัดในเรื่องของตัวบรรจุภัณฑ์ได้ ซื่งอาจจะดูไม่ตรงใจคุณหรือกลุ่มเป้าหมายคุณมากนัก
ถ้าคุณมีงบจำกัดและสนใจอยากจะเริ่มด้วยวิธีนี้ (ซึ่งแน่นอนว่าคุณจะสามารถทำเงินได้ในทันที) เราแนะนำให้คุณลองดูสินค้าที่ขายเป็นแพ๊คขนาด 3 ชิ้นของเราดู ซึ่งสินค้าที่เป็นแพ๊คของเรานี้ได้รับการออกแบบให้มาตรฐาน ทั้งในแง่ของ
1) รูปแบบบรรจุภัณฑ์ ซึ่งแบบนี้คุณมั่นใจได้อย่างว่า จะไม่มีวันขาดตลาด เพราะเป็นแบบมาตรฐานที่มีจำหน่ายทั่วไป ถ้าสินค้าคุณขายดีเป็นที่นิยม คุณก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ก็ได้ นอกเสียจากว่า คุณอยากให้มีความแตกต่าง เผื่อว่าสักวันลูกค้าของคุณอาจจะไปเจอที่อื่น (โอกาสน้อยมาก) ที่ราคาต่างจากของคุณมาก
2) สติ๊กเกอร์ที่ติดบนบรรจุภัณฑ์ ทีมงานของเราได้ออกแบบให้ถูกต้องตามแนวทางข้อกำหนดของ อย. ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นชื่อสินค้า, สรรพคุณ, ส่วนประกอบสำคัญ, วิธีการใช้, ชื่อผู้ผลิตและที่อยู่, น้ำหนักสุทธิ และวันเดือนปีที่ผลิต พร้อมเลขที่ล๊อต
คุณเพียงแต่ทำสติ๊กเกอร์ชื่อแบรนด์ของคุณ พร้อมชื่อผู้จัดจำหน่าย มาติดใส่บนบรรจุภัณฑ์ด้านตรงกันข้าม เพียงเท่านี้เองครับ คุณก็พร้อมขายเครื่องสำอางด้วยแบรนด์สินค้าของคุณเอง — นี่เป็นการเริ่มต้นที่ง่ายและเร็วที่สุดที่คุณสามารถจะทำเงินได้ในทันทีที่ สินค้ามาถึงมือคุณ
II ) ซื้อผลิตภัณฑ์เป็นกิโลมาบรรจุเอง
หลังจากที่คุณเริ่มมีประสบการณ์และพอมีงบประมาณ ในการลงทุนมากขึ้น ตอนนี้คุณก็ก้าวมาอีกขั้น หรือถ้าคุณอยากจะเริ่มต้นด้วยวิธีนี้แต่แรกเลยก็ได้
วิธีนี้คุณจะสามารถกำหนดรูปลักษณ์สินค้าเครื่อง สำอางของคุณได้เต็มที่ เลือกดีไซน์บรรจุภัณฑ์ที่เป็นของคุณเอง เลือกสติ๊กเกอร์เอง ทำกล่องใส่เอง ซึ่งทั้งหมดนี้ คุณสามารถจะควบคุมปัจจัยต่างๆ ได้เกือบจะทั้งหมดแล้ว
ปล.:เครื่องสำอางหลายยี่ห้อของคนไทยเรา ก็เริ่มต้นแบบนี้กันเป็นส่วนใหญ่ จนกระทั่งเติบโตดีแล้วจึงเล่นโฆษณา ขยายตลาดออกไป
ก่อนอื่นคุณก็ต้องเลือกหาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่คุณต้องการ คุณมี 2 ตัวเลือกดังนี้
- เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีขายอยู่แล้ว
- จ้างพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ของคุณเอง
เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีขายอยู่แล้ว
ผลิตภัณฑ์ที่มีขายอยู่แล้วนี้ส่วนใหญ่จะเป็นสูตร มาตรฐาน (Master Formula) ซึ่งผลิตขึ้นมาตามล็อตแน่นอน เช่น 50 กก./ล็อต เป็นต้น คุณสามารถติดต่อขอซื้อได้เลยในทุกโรงงาน ซึ่งส่วนใหญ่จะขายครั้งละ 1 กก.ขึ้นไป
แต่ถ้าคุณสนใจสินค้าของเรา เรามีให้คุณ เลือกซื้อได้ที่ขั้นต่ำ 500 กรัม (ครึ่งกิโลกรัม) ขึ้นไป และด้วยการออกแบบที่สะดวกต่อการนำไปบรรจุเอง ทำให้ไม่ยุ่งยากมากนัก และสามารถลดอัตราการติดเชื้อที่ปนเปื้อนได้สูง ผมแนะนำให้คุณเข้าไปศึกษาดูได้เพิ่มเติมที่ "การบรรจุเนื้อผลิตภัณฑ์ลงในบรรจุภัณฑ์ง่ายๆ ... ที่คุณก็ทำได้เองที่บ้าน!"
จ้างพัฒนาสูตรเครื่องสำอางของคุณเอง
การจ้างพัฒนาสูตรนี้มีข้อดีหลายอย่าง แต่ที่สำคัญก็คือ มันจะเป็นทรัพย์สินของคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น และคุณก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไปซ้ำกับใครในตลาด คุณสามารถจะเก็บเกี่ยวรายได้จากสูตรพิเศษของคุณไปตลอดกาล ตราบเท่าที่คุณต้องการ ซึ่งในการจ้างพัฒนาสูตรพิเศษนี้ มีข้อกำหนดเพียงเล็กน้อยเท่านั้นคือ
1) คุณต้องสั่งอย่างน้อย 5 กก.ขึ้นไป กรณีที่สูตรของคุณพัฒนามาจาก Master Formula ของเรา
2) แต่ถ้าคุณให้ทางแลบของเราตั้งสูตรใหม่ให้กับคุณทั้งหมด (ไม่ได้อ้างอิงกับ Master Formula ของเรา) ในกรณีเช่นนี้คุณจะต้องสั่งอย่างน้อย 25 กิโลกรัมขึ้นไป — เพราะอะไร?
เหตุผล: ถ้าคุณใช้ Master Formula ของเราเป็นตัวอ้างอิง แล้วพัฒนาต่อเติมเล็กน้อย เช่น อาจจะขอกลิ่นพิเศษ หรือเพิ่มสารสกัดบางตัว เป็นต้น ในกรณีนี้ ทางเราไม่ได้ซื้อวัตถุดิบใหม่ทั้งหมด จะซื้อก็เพียงบางตัวตามที่คุณต้องการเท่านั้น — นั่นคือ ทางเราก็พอมีสต๊อกวัตถุดิบนั้นๆ อยู่บ้างแล้ว คุณก็ไม่จำเป็นต้องสั่งซื้อมาก
แต่ถ้าสูตรของคุณไม่ได้อ้างอิงจาก Master Formula ของเราเลย ซึ่งแน่นอนว่า ทางเราจะต้องสั่งซื้อวัตถุดิบเข้ามาใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะมีมิน (ย่อมาจาก Mimimum: ขั้นต่ำ) อยู่ที่ 25 กิโลกรัมขึ้นไปเป็นส่วนใหญ่ที่ทางซัพพลายเออร์ของเราจะขาย และทางเราก็ไม่ต้องการที่จะเก็บสต๊อกวัตถุดิบตัวนี้ไว้ ดังนั้นเราจึงต้องขอให้คุณสั่งซื้อที่ขั้นต่ำ 25 กิโลกรัม - ก็ตรงไปตรงมาครับ
เห็นมั้ยครับที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ คุณจะเห็นว่ามันไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คุณคิดใช่มั้ยครับ? คุณสามารถจะเริ่มต้นอย่างง่ายๆ ด้วยงบประมาณที่จำกัดได้ เมื่อคุณมีกำไรเข้ามามากแล้ว คุณถึงจะค่อยๆ ขยับขยายธุรกิจของคุณไป — อย่าลืมนะครับว่า ถ้าคุณสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าของคุณได้มากแค่ไหน กำไรสินค้าของคุณก็จะเพิ่มเป็นทวีคูณ! จากนั้นให้แบ่งกำไรที่คุณได้รับมาส่วนหนึ่ง มาขยายอาณาจักรธุรกิจเครื่องสำอางของคุณต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก เบรฯ |